อักษรเฉพาะแบบชนิดนี้เป็นการปรับปรุงอักขรวิธีเท่านั้น และประกาศใช้เป็นตัวหนังสือของทางราชการเมื่อพ.ศ. 2485 และยกเลิกใช้ในสองปีถัดมา คือเมื่อ 2487 ซึ่งเป็นยุคสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามเรืองอำนาจและปรับระบบปกครองไทยเป็นระบบผู้นำ มีอำนาจสิทธิ์ขาด จึงประกาศใช้อักษรไทยแบบใหม่ เพื่อลดความยุ่งยากในการเขียนการอ่าน จึงเรียกอักษรชนิดนี้ว่า "อักษรจอมพล ป.พิบูลสงคราม"
อักษรสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ประกาศใช้เป็นตัวอักษรทางราชการ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2485 โดยมีหลักเกณฑ์ในการปรับปรุงตัวอักษรไทยที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ดังนี้
- ชนะพยัญ ชนะไทย 44 ตัว มีเสียงซ้ำกันจำนวนมาก เป็นการฟุ่มเฟือย จึงคงไว้พยัญชนะที่จำเป็น 31 ตัว ตัดออกเสีย 13 ตัว คือ ฃ ฅ ฆ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ศ ษ ฬ (เพราะพยัญชนะทั้ง 13 ตัวนี้ จะมีเพียงชนะอื่น ๆ ที่มีเสียงซ้ำกัน)
- สระ สระทั้ง 34 ตัว ตัดออกเสีย 5 ตัว เพราะมีเสียงซ้ำกับสระอื่น ๆ คือ สระ ใ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ
- อักขรวิธี ปรับปรุงให้เขียน-อ่านง่ายขึ้น คือ ยกเลิกการเขียนซับซ้อน โดยเฉพาะคำที่เป็นภาษาบาลีและสันสกฤตเพื่อให้เขียนง่ายขึ้น (ธวัชปุณโณทก,2541)
ต่อมาเมื่อนายควง อภัยวงศ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงประกาศยกเลิกวิธีการเขียนแบบจอมพล ป.พิบูลสงครามจากนั้นตัวอักษรไทยได้เข้าสู่ยุคแห่งการพิมพ์จนถึงปัจจุบัน ความนิยมด้านการพิมพ์ได้มีอิทธิพลต่ออักษรไทยเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่าตัวอักษรที่ใช้ในการเขียนของกุลบุตรกุลธิดา ซึ่งในเวลาต่อมาจะเลียนแบบอักษรตัวพิมพ์ทั้งสิน สำหรับอักษรที่เป็นลายมือเขียนของอาลักษณ์ที่มีมาแต่เดิมนั้นก็จะใช้ในโอกาสอื่น ๆ เช่น การเขียนปรกาศนียบัตร ปริญญาบัตร (วิโรจน์ ผดุงสุนทรารักษ์, 2540)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น